สำหรับการสร้างบ้านแล้วแน่นอนเลยว่าเราจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้วัสดุมากมาย เพื่อให้บ้านออกมามีความสวยงามมั่นคงตรงใจ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วก็มักจะต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญการรับสร้างบ้านเพื่อขอคำแนะนำการเลือกใช้วัสดุต่างๆ และส่วนหนึ่งที่สำคัญมากและถือเป็นโจทย์ยากในการเลือกมากพอสมควรก็คือ การเลือก กระเบื้อง ปูพื้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระเบื้องห้องน้ำ

เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า กระเบื้องห้องน้ำ นั้นมีความสำคัญไม่น้อย เพราะไม่เพียงแค่ต้องคำนึงถึงเรื่องความสวยงามเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงเรื่องการใช้งานที่ปลอดภัยด้วย

กระเบื้องห้องน้ำ

เลือกกระเบื้องให้เหมาะสมกับการใช้งาน

– พื้นห้องน้ำ
การเลือกกระเบื้องที่จะนำมาปูพื้นห้องน้ำนั้นจะต้องเข้าใจจุดสำคัญก่อนว่า พื้นห้องน้ำจะแบ่งย่อยออกมาเป็นอีก 2 ส่วน คือ

ส่วนที่เปียก เป็นส่วนพื้นที่ที่ต้องเจอน้ำอยู่เสมอ โดยเฉพาะส่วนที่ใช้อาบน้ำ ดังนั้นกระเบื้องที่เหมาะกับส่วนนี้จึงควรเป็นกระเบื้องที่มีผิวสัมผัสหยาบ เหยียบไปแล้วจะรู้สึกฝืดเท้าเพื่อป้องกันการลื่นล้ม

ส่วนที่แห้ง ในส่วนนี้จะเลือกปูกระเบื้องแบบใดก็ได้
หากว่าคุณจะปูกระเบื้องห้องน้ำของผู้สูงอายุโดยตรงก็แนะนำเลยว่า ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ในส่วนที่เปียกหรือแห้งก็ตาม ให้ปูกระเบื้องแบบผิวสัมผัสหยาบไว้ทั้งสองส่วนได้เลย จะทำให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

– ผนังห้องน้ำ
สำหรับกระเบื้องผนังนั้นโดยส่วนใหญ่แล้วมักนิยมใช้เป็นกระเบื้องเคลือบอยู่ 2 ชนิดด้วยกันคือ

เซรามิก
กระเบื้องแก้วหรือโมเสก
เนื่องจากกระเบื้องทั้ง 2 ชนิดนี้ทำความสะอาดง่ายและไม่นิยมปูผนังห้องน้ำด้วยกระเบื้องผิวหยาบ เพราะกระเบื้องผิวหยาบเมื่อใช้งานไปนานวัน จะทำให้ห้องน้ำเกิดการสะสมของเชื้อราและทำความสะอาดยาก อาจเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคทำให้ผู้อยู่อาศัยไม่ปลอดภัยและมีสุขภาพไม่ดีได้นั่นเอง

ชนิดของกระเบื้อง

1. เซรามิก
ข้อดี แข็งแกร่งทนทาน ไม่ดูดซึมน้ำ ทำความสะอาดง่าย และราคาไม่แพง

2. กระเบื้องแก้วหรือโมเสก
ข้อดี โดดเด่นเรื่องความสวยงาม ผสมผสานสีสันได้หลากหลาย มีความทนทานพอสมควร

3. กระเบื้อง Porcelain
ข้อดี มีความสวยงาม กันน้ำได้ดี และทนต่อการขัดสีต่างๆ ได้ดี มีผิวสัมผัสให้เลือกหลายแบบ ใช้ได้ทั้งส่วนที่เปียกและแห้งในห้องน้ำ

4. กระเบื้องดินเผา
ข้อดี แข็งแกร่งทนทาน เหมาะกับการปูพื้นห้องน้ำที่เหมือนๆ กัน ตัวกระเบื้องเองจะน้ำซึมผ่านยาก และราคาไม่แพง

การติดตั้งกระเบื้องปูพื้นห้องน้ำควรทำอย่างไร

1.เตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ครบถ้วน พร้อมเลือกซื้อกระเบื้องผนังที่มีลวดลายตามต้องการ อย่าลืมเผื่อสำหรับการชำรุดเสียหายและการตัดกระเบื้องด้วย โดยพยายามซื้อกระเบื้องทั้งหมดให้อยู่ในล็อตเดียวกัน เพราะการซื้อแยกทีหลัง อาจทำให้สีของกระเบื้องแตกต่างไปจากเดิมตามแต่ละสต็อกได้

2.ปรับระดับผนังให้เรียบเสมอกันและทำความสะอาดสิ่งแปลกปลอมออกให้เกลี้ยง เพราะถ้ายังมีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกเกาะตอนติดกระเบื้อง จะทำให้กาวซีเมนต์ยึดเกาะไม่แน่น

3.ลองนำกระเบื้องวางทาบบนผนังเพื่อกำหนดขนาดและจำนวน จากนั้นวาดเส้นตรงใต้กระเบื้องเพื่อร่างเส้นแถวให้ตรงกัน

4.ผสมปูนกาวตามคู่มือให้มีลักษณะเหนียวพอดี ไม่จำเป็นต้องผสมเยอะมาก พยายามคำนวณให้ใช้หมดภายในหนึ่งชั่วโมง ไม่เช่นนั้นปูนกาวจะแห้งและไม่ได้ประสิทธิภาพ

5.จับเกรียงหวีด้านเรียบป้ายปูนกาวลงบนผนัง จากนั้นจับเกรียงหวีด้านร่องปาดทับด้วยการถือเกรียงหวีให้ได้มุม 45-60 องศา

6.ปาดปูนกาวซีเมนต์หลังกระเบื้อง แล้ววางแผ่นกระเบื้องลงไป ทั้งนี้การปูกระเบื้องควรปูแบบเต็มแผ่น มากกว่าปูกระเบื้องแบบซาลาเปาหรือการใช้ปูนพอกเป็นก้อนโปะหลังกระเบื้อง ถึงแม้การปูแบบซาลาเปาจะรวดเร็วและทำง่ายกว่า แต่การเกาะยึดน้อย นอกจากนี้ยังมีช่องว่างที่ทำให้น้ำซึมผ่านเข้าไปได้ เกิดความชื้นสูงและมีโอกาสเกิดกระเบื้องระเบิดได้ ที่สำคัญจุดที่ไม่มีปูนช่วยรองรับน้ำหนักยังเสี่ยงต่อการแตกหักง่ายอีกด้วย

7.ใช้ค้อนยางเคาะเบา ๆ เพื่อให้เกาะยึดแน่นขึ้น

8.ใช้อุปกรณ์จัดแนวกระเบื้อง (Spacer) ช่วยเว้นระยะห่างของกระเบื้อง ประมาณ 2 มิลลิเมตร สำหรับลงยาแนวและทำให้แผ่นกระเบื้องเรียงเป็นแนวเดียวกันอย่างสวยงาม และใช้ระดับน้ำวัดความลาดเอียงของกระเบื้อง

9.เมื่อปูเต็มพื้นที่แล้ว ตัดกระเบื้องตามขนาดพื้นที่ที่ยังเหลืออยู่มาปูเพิ่ม จัดกระเบื้องให้สวยงามตามแนวที่ต้องการ และปล่อยให้แห้งสนิทประมาณ 1-2 วัน พร้อมนำตัวเว้นร่องกระเบื้องออก แล้วค่อยลงยาแนว

10.ผสมยาแนวตามคู่มือ จากนั้นนำเกรียงโบกปูนหรือเกรียงยาแนวป้ายและปาดลงไปในร่องกระเบื้องให้เต็ม หมั่นเช็ดคราบส่วนเกินที่เลอะออกเป็นระยะ อย่าปล่อยทิ้งไว้นานจนคราบแห้ง ไม่เช่นนั้นยาแนวจะแข็งติดกระเบื้อง เช็ดออกได้ยาก รอให้ยาแนวแห้งสนิท เสร็จแล้วทำความสะอาดให้สวยงาม เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย

ขนาดกระเบื้องปูพื้นมาตรฐาน

สำหรับขนาดของกระเบื้องปูพื้นแบบมาตรฐาน ในกระเบื้องแต่ละประเภท โดยมาตรฐานจะมีขนาด 8 x 8 นิ้ว 12 x 12 นิ้ว 16 x 16 นิ้ว 20 x 20 นิ้ว ต่อตารางเมตร โดยถือเป็นขนาดมาตรฐานของกระเบื้องปูพื้นที่หลายท่านเลือกใช้ในงานตกแต่ง ส่วนมาก ขนาดของวัสดุเหล่านี้จะมาจากการคำนวณในการปูพื้นแบบตารางเมตร

ข้อดีและข้อเสียของกระเบื้องแต่ละแบบ

กระเบื้องเซรามิก
ข้อดี : ไม่ดูดซึมน้ำ แข็งแรง ทนทาน ราคาไม่แพง ทำความสะอาดง่าย มีรูปแบบและสีสันที่หลากหลาย
ข้อเสีย : ผิวสัมผัสลื่นเมื่อเปียกน้ำ

กระเบื้องพอร์ซเลน
ข้อดี : สวย ดูดี กันน้ำเยี่ยม ทนทานมาก และมีให้เลือกหลากหลายเฉดสี
ข้อเสีย : ราคาแพง (เฉลี่ยแล้วกระเบื้องพอร์ซเลนมีราคาแพงกว่ากระเบื้องเซรามิกถึง 62%)

กระเบื้องไวนิล
ข้อดี : ยืดหยุ่น ราคาไม่แพง ติดตั้งง่าย
ข้อเสีย : ความสวยงามน้อยกว่ากระเบื้องประเภทอื่น

กระเบื้องแก้ว
ข้อดี : แข็งแรง ทนทาน สวยงามเป็นประกาย
ข้อเสีย : ราคาค่อนข้างแพงและเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย

กระเบื้องหิน
ข้อดี : สวยงาม
ข้อเสีย : เกิดรอยง่าย เป็นคราบง่าย และมีราคาแพง

กระเบื้องหินชนวน
ข้อดี : ทนทาน มีหลากสี หลากสไตล์ สามารถเปลี่ยนแยกได้แผ่นต่อแผ่นเมื่อเกิดความเสียหาย
ข้อเสีย : แพง เย็น มีลวดลายไม่เหมือนกัน ทำให้ออกแบบยาก

กระเบื้องดินเผา
ข้อดี : ไม่เย็น ไม่ซึมซับน้ำ แข็งแรง ทนทาน ราคาไม่แพง และมีให้เลือกหลากหลายเหมือนกับกระเบื้องเซรามิก
ข้อเสีย : ไม่กันน้ำ

กระเบื้องปูน
ข้อดี : ทนทาน ไม่แตกและไม่ค่อยมีรอยขีดข่วน แถมยังให้ความเท่แบบสไตล์อินดัสเทรียล
ข้อเสีย : โปร่ง ราคาแพง ไม่ค่อยเหมาะกับสภาพแวดล้อมเปียกชื้นในห้องน้ำ

กระเบื้องกรวด
ข้อดี : มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
ข้อเสีย : ดูแลทำความสะอาดยาก

ที่มา

hba-th.org

home.kapook.com

baania.com

ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ ufabet1995.info